การใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อเอชไอวีนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่หากได้รับการรักษาและการสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยจะสามารถมีชีวิตที่สมบูรณ์ได้ ที่ MedEx เรามุ่งมั่นที่จะดูแลผู้ป่วยอย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการให้ยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการสัมผัสเชื้อ (PEP) และยาป้องกันการติดเชื้อก่อนการสัมผัสเชื้อ (PrEP) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยของเรามีสุขภาพแข็งแรงและป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี
สารบัญ
สลับPEP คืออะไร?
การป้องกันการติดเชื้อหลังการสัมผัสเชื้อ (PEP) คือการรักษาที่มุ่งป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังจากสัมผัสเชื้อ โดยรับประทานยาต้านไวรัสภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากสัมผัสเชื้อ PEP มีประสิทธิภาพสูงหากเริ่มรับประทานทันทีและรับประทานอย่างถูกต้องตามระยะเวลาที่กำหนด 28 วัน
PEP ถูกใช้เมื่อไร?
PEP มีไว้สำหรับใช้ในภาวะฉุกเฉินโดยเฉพาะ ไม่ได้มีไว้สำหรับใช้เป็นประจำ สถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้ PEP อาจรวมถึง:
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันกับคู่ครองที่มีสถานะ HIV ที่ไม่ทราบแน่ชัด
- การแตกของถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครองที่ติดเชื้อ HIV
- การใช้เข็มฉีดยาหรืออุปกรณ์เสพยาร่วมกัน
- เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ
PEP ทำงานอย่างไร?
ยา PEP ออกฤทธิ์โดยป้องกันไม่ให้ไวรัสเอชไอวีสร้างการติดเชื้อถาวรในร่างกาย ยาต้านไวรัสจะยับยั้งการจำลองตัวของไวรัส ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมีเวลากำจัดไวรัสก่อนที่จะแพร่กระจาย
ทำความเข้าใจ PEP และ PrEP
PrEP คืออะไร?
การป้องกันการติดเชื้อก่อนการสัมผัสเชื้อ (PrEP) เป็นมาตรการป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่มีเชื้อเอชไอวีแต่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ PrEP คือการรับประทานยาเม็ดที่ประกอบด้วยยาต้านไวรัสทุกวันเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี ยานี้จะมีประสิทธิภาพสูงเมื่อรับประทานตามคำสั่งและใช้ร่วมกับวิธีการป้องกันอื่นๆ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย
ใครควรพิจารณาใช้ PrEP?
PrEP ได้รับการแนะนำสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ HIV ได้แก่:
- ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM)
- บุคคลรักต่างเพศที่มีคู่ครองที่ติดเชื้อ HIV
- ผู้ที่ฉีดยา
- ผู้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากแบคทีเรียเมื่อเร็วๆ นี้ แสดงถึงการมีกิจกรรมทางเพศมากเกินไปโดยไม่ได้ป้องกัน
ขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนเริ่มใช้ PEP/PrEP
การปรึกษาและประเมินผล
ก่อนเริ่มใช้ยา PEP หรือ PrEP ผู้ป่วยต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อประเมินคุณสมบัติ ซึ่งรวมถึงการพิจารณาถึงประโยชน์ ความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา ยา PEP และ PrEP ไม่ได้มีไว้สำหรับใช้เป็นประจำ ยา PEP ต้องรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ในขณะที่ PrEP สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ยังไม่ได้รับเชื้อ การตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างละเอียด ได้แก่ HIV, VDRL, HBsAg, HCV, CBC, LFT (TP, Alb, Glo, TB, DB, ALT, AST) เป็นสิ่งจำเป็นก่อนเริ่มใช้ยา PEP/PrEP การตรวจเหล่านี้จะช่วยประเมินสุขภาพและความสามารถในการทนต่อยาของผู้ป่วย
ผลข้างเคียงและความปลอดภัย
ทั้ง PEP และ PrEP อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารสำหรับ PEP และคลื่นไส้ ปวดศีรษะ และน้ำหนักลดสำหรับ PrEP การรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอในเวลาเดียวกันทุกวันจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพ การติดตามและรายงานผลข้างเคียงต่างๆ ให้กับผู้ให้บริการด้านสุขภาพอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
การติดตามและเฝ้าระวัง
ควรตรวจทางห้องปฏิบัติการซ้ำหลังจากเริ่มใช้ยา PEP/PrEP เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อประเมินการตอบสนองของร่างกายและตรวจหาผลข้างเคียง การติดตามผลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพของการรักษาและการทำงานของอวัยวะต่างๆ อย่างเหมาะสม การตรวจพบปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยให้สามารถปรับแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที
บทสรุป
การเริ่มใช้ยา PEP หรือ PrEP ถือเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันตนเองจากเชื้อเอชไอวี การปรึกษาหารืออย่างครอบคลุม การปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติ และการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการรักษาจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การตรวจติดตามผลหลังจากหนึ่งเดือนจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคุณด้วยการทำอย่างต่อเนื่อง
ที่ MedEx เราให้บริการดูแลรักษาเอชไอวีอย่างครอบคลุม ครอบคลุมบริการตรวจเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ การรักษา และบริการป้องกัน ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากโรงพยาบาลพันธมิตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI เรามอบการดูแลเฉพาะบุคคลตามความต้องการเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละราย เราให้ความสำคัญกับการรักษาความลับและการเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย ส่งเสริมบรรยากาศแห่งความเห็นอกเห็นใจที่ผู้ป่วยสามารถพูดคุยและปรึกษาเกี่ยวกับความกังวลของตนเองได้อย่างอิสระ และได้รับการดูแลอย่างไม่ตัดสิน


